ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์
สรุปข้อสนเทศ : ESSO
30 เมษายน 2551
ปรับเปลี่ยนกระบวนการกลั่นให้ได้ผลกำไรที่ดีที่สุด (optimization modeling software system) ซึ่งจะนำข้อจำกัด
การผลิตของบริษัทฯ มาร่วมพิจารณาด้วยเพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับการซื้อน้ำมันดิบที่มีความเหมาะสมที่สุด
บริษัทฯ ทำการจัดหาและซื้อน้ำมันดิบจากหรือผ่านบริษัทในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งโดยปกติ
บริษัทฯ ได้รับใบแจ้งหนี้ภายใน 4 วันนับแต่วันที่ออกใบตราส่งและต้องชำระใบแจ้งหนี้ภายในสิ้นเดือนของเดือน
ดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อว่าสอดคล้องกับวิธีปฏิบัติทางการค้าโดยทั่วไป สำหรับน้ำมันดิบที่จัดหาหรือซื้อจากแหล่ง
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค บริษัทฯ จะทำการซื้อจากหรือผ่าน ExxonMobil Asia Pacific Pte. Ltd. ส่วนน้ำมันดิบนำเข้า
อื่น ๆ บริษัทฯ จะทำการซื้อจากหรือผ่าน ExxonMobil Sales and Supply LLC
ตารางดังต่อไปนี้แสดงปริมาณน้ำมันดิบที่ซื้อ โดยจำแนกตามภูมิภาคของแหล่งที่มาและสัดส่วนการจัดซื้อ
จากแต่ละภูมิภาคสำหรับระยะเวลาที่ระบุไว้
ปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม
2548 2549 2550
ภูมิภาคของแหล่งที่มา ปริมาณ ร้อยละ ปริมาณ ร้อยละ ปริมาณ ร้อยละ
(พันบาร์เรล ยกเว้นอัตราร้อยละ)
ตะวันออกกลาง (1) 21,429 40.8 13,903 28.4 12,195 26.9
ตะวันออกไกล (2) 27,777 53.0 30,916 63.1 31,956 70.4
แอฟริกาตะวันตก(3) 3,272 6.2 4,187 8.5 1,221 2.7
รวม 52,477 100.0 49,005 100.0 45,372 100.0
(1) ซาอุดิอาระเบีย คูเวต เยเมน สาธารณรัฐอาหรับ อิมิเรสต์ กาตาร์และโอมาน
(2) อินโดนีเซีย เวียดนาม ไทย มาเลเซีย บรูไน จีน ออสเตรเลีย และรัสเซีย
(3) อียิปต์ แองโกลา กาบองและชาด
2. วัตถุดิบโรงกลั่นน้ำมันและวัตถุดิบอื่น ๆ
บริษัทฯ ยังซื้อกากน้ำมันดิบและวัตถุดิบอื่น ๆ เพื่อกระบวนการผลิตในหอกลั่นบรรยากาศ บริษัทฯ ผลิต
วัตถุดิบดังกล่าวได้ 2,736 พันบาร์เรล 5,235 พันบาร์เรล และ 7,284 พันบาร์เรลในปี 2548 ปี 2549 และปี 2550
ตามลำดับ
บริษัทฯ ใช้ไฮโดรเจนในหน่วยกำจัดกำมะถันในน้ำมันโดยใช้ไฮโดรเจนร่วม (hydrodesulfurizer unit) เพื่อ
การกำจัดกำมะถันออกจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมโดยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปรับปรุงคุณภาพ และเพื่อเป็น
วัตถุดิบในโรงงานอะโรเมติกส์ บริษัทฯ สามารถผลิตไฮโดรเจนทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้จากโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ
เอง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังใช้ออกซิเจนและไนโตรเจนในกระบวนการกลั่นน้ำมัน และได้เข้าทำสัญญากับบริษัท
บางกอกอินดัสเตรียลแก๊ส จำกัด เพื่อการจัดหาออกซิเจนและไนโตรเจน
บริษัทฯ ซื้อวัตถุดิบหลักอื่น ๆ ซึ่งรวมถึง สารเพิ่มออกเทน MTBE (MTBE เป็นเคมีภัณฑ์ซึ่งใช้เพื่อเพิ่มจำนวน
ออกเทนในน้ำมันเบนซิน) สำหรับโรงกลั่นน้ำมันจากผู้จัดหาซึ่งเสนอข้อกำหนดและเงื่อนไขที่เหมาะสมในทางการค้า
3. ตัวเร่งปฏิกิริยา
บริษัทฯ ใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาประเภทต่าง ๆ ในกระบวนการผลิต บริษัทฯ จะประเมินและคัดเลือกประเภทตัวเร่ง
ปฏิกิริยาโดยพิจารณาจากประสิทธิภาพและราคา บริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญากับ ExxonMobil Catalyst Technology
LLC เพื่อการเช่าตัวเร่งปฏิกิริยาต่าง ๆ ที่ใช้ในโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานอะโรเมติกส์ของบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ
ยังได้เข้าทำสัญญากับ ExxonMobil Catalyst Services Inc. เพื่อการเช่าตัวเร่งปฏิกิริยาชนิดทองคำขาว (platinum
based catalyst) สำหรับใช้ในโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ
4. รีฟอร์เมตและมิกซ์ไซลีน
รีฟอร์เมตและมิกซ์ไซลีนเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในโรงงานอะโรเมติกส์ของบริษัทฯ บริษัทฯ จัดหารีฟอร์เมตจาก
โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ เป็นหลัก แต่บริษัทฯ ก็มีการซื้อจากผู้กลั่นน้ำมันในประเทศรายอื่น ๆ และบริษัทในเครือเอ็กซอน
โมบิล คอร์ปอเรชั่นในภูมิภาคนี้ด้วย เช่น จากประเทศมาเลเซีย เป็นต้น
บริษัทฯ ซื้อมิกซ์ไซลีนที่จำเป็นต้องใช้ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ บริษัทฯ ซื้อมิกซ์ไซลีนจากผู้ผลิต
ในประเทศเป็นหลัก และในส่วนของการนำเข้าจากต่างประเทศ บริษัทฯ นำเข้ามิกซ์ไซลีนจากเกาหลีเป็นส่วนใหญ่
และเป็นการจัดหาโดยหรือผ่านบริษัทในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น
5. เอทานอลและน้ำมันปาล์ม
บริษัทฯ ซื้อเอทานอลจากบุคคลภายนอกหลายรายในประเทศไทยเพื่อผสมที่คลังน้ำมันสำหรับการผลิตแก๊สโซฮอล์
ส่วนน้ำมันปาล์มซื้อจากบุคคลภายนอกที่เป็นผู้จัดหาในประเทศเพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตไบโอดีเซล
6. วัตถุดิบและสินค้าอื่น ๆ
วัตถุดิบแนฟทาชนิดเบาและน้ำมันก๊าดซึ่งใช้ในการผลิตสารทำละลายของบริษัทฯ จัดหามาจากโรงกลั่นน้ำมัน
ของบริษัทฯ ทั้งหมด บริษัทฯ ซื้อออกโซแอลกอฮอล์ (oxo-alcohol) สำหรับผลิตสารพลาสติกไซเซอร์จากบริษัทใน
เครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น
บริษัทฯ เริ่มมีการใช้ผู้รับจ้างผลิตภายนอก (third party blender) สำหรับทำการผสมผลิตภัณฑ์หล่อลื่น
นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2550 โดยผู้รับจ้างผลิตภายนอกยังคงซื้อน้ำมันพื้นฐาน (base stock) และสารเติมแต่งจาก
บริษัทในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น เพื่อที่จะรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดหาสินค้าที่จำหน่าย
ของบริษัทฯ ในร้านค้าสะดวกซื้อของบริษัทฯ ส่วนใหญ่จัดหาจากผู้ประกอบการเครือข่ายค้าปลีกในประเทศ
5. การแข่งขัน
อุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันในประเทศไทย มีการแข่งขันสูงมาก ปัจจุบัน มีโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่จำนวน
เจ็ดแห่งในประเทศไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 โรงกลั่นเหล่านี้มีกำลังการกลั่นรวมประมาณวันละ 1,099,000
บาร์เรล โรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งอื่น ๆ ในประเทศไทย นอกเหนือจากบริษัทฯ คือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด
(มหาชน) บริษัท สตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง จำกัด บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์
และการกลั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และบริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด
(มหาชน)
บมจ. ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านทรัพยากรธรรมชาติและน้ำมันของประเทศไทยนั้น มีส่วนได้เสีย
อย่างมีนัยสำคัญในโรงกลั่นขนาดใหญ่ที่เป็นคู่แข่งของบริษัทฯ เหล่านี้ ยกเว้น บมจ. ระยองเพียวริฟายเออร์
ผู้ประกอบธุรกิจในตลาดพาราไซลีนที่สำคัญมีอยู่สามรายได้แก่ บมจ. ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น
บริษัทไทยพาราไซลีน จำกัด และบริษัทฯ ซึ่งการใช้พาราไซลีนในประเทศส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อการผลิตกรดเทอรีพทาลิกบริสุทธิ์
(PTA) ผู้ผลิต PTA ในประเทศไทย คือ บมจ. ทีพีที ปิโตรเคมีคอลส์ บริษัท สยาม มิตซุย พีทีเอ จำกัด และ
บมจ. อินโดรามา โพลีเมอร์ส
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แข่งขันด้วยปัจจัยทางด้านราคาเป็นหลัก ในขณะที่ ตราสินค้าและปัจจัยการแข่งขันอื่น ๆ ยัง
อาจมีผลต่อบางผลิตภัณฑ์หรือบางกลุ่มผลิตภัณฑ์ อาทิ ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีก
บริษัทฯ พยายามใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการคัดสรรโครงการลงทุน บริษัทฯ สามารถเข้าถึงและ
ขอรับการสนับสนุนจากเครือข่ายทั่วโลกของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่นเพื่อการจัดหาวัตถุดิบและการจัดจำหน่าย
ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนบริการทางวิศวกรรม การดำเนินงานและวิศวกรรมที่ทันสมัย บริษัทฯ เชื่อว่าปัจจัยต่าง ๆ อาทิ ที่ตั้ง
ที่มีความได้เปรียบซึ่งอยู่ใกล้กับตลาดสำคัญของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในกรุงเทพฯ และการสามารถเข้าถึงเครือข่าย
การจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่สะดวกและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้บริษัทฯ สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิผล
ตลาดค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงมีการแข่งขันสูงมาก คู่แข่งการค้าปลีกรายสำคัญของบริษัทฯได้แก่ ปตท.
(ซึ่งรวมถึงสถานีบริการน้ำมันโคโนโค่ที่ได้ซื้อกิจการมา) เชลล์ เชฟรอน (คาลเท็กซ์) และบางจากปิโตรเลียม โดยบริษัทฯ
จะแข่งขันในด้านราคาเป็นหลัก ในขณะที่การแข่งขันในด้านอื่น ๆ เช่น มาตรฐานการให้บริการ คุณภาพของผลิตภัณฑ์
การตลาด และที่ตั้งของสถานีบริการน้ำมัน จะมีความสำคัญรองลงไป นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังแข่งขันในด้านตัวแทน
บริษัทฯ เชื่อว่า เครือข่ายสถานีบริการน้ำมันภายใต้ชื่อการค้าเอสโซ่ ร้านสะดวกซื้อไทเกอร์มาร์ท และการเป็นพันธมิตร
กับร้านสะดวกซื้อเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรส ณ สถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ ได้ช่วยเพิ่มรายได้จากการขายน้ำมันเชื้อเพลิง
และทำให้ชื่อทางการค้าของบริษัทฯ เป็นที่นิยมมากขึ้นในตลาดค้าปลีก บริษัทฯ ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก
บริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่ทำธุรกิจครบวงจร เช่น บมจ. ปตท. ซึ่งมีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และได้พยายามที่จะเพิ่ม
ส่วนแบ่งการตลาดค้าปลีกในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การดำเนินงานของบริษัทฯ อยู่ภายใต้กฎหมายและกฎระเบียบเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่สำคัญหลายฉบับ ซึ่ง
รวมถึง พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535
และ พระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542
บริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากระบบการจัดการพลังงานที่ใช้อยู่ในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่นและ/หรือ
บริษัทในเครือ ทั่วโลก (ExxonMobil's Global Energy Management System ("GEMS")) ซึ่งเป็นระบบที่มีความ
ครอบคลุมและเข้มงวดตามแนวปฏิบัติที่ดีในการดำเนินงาน การบำรุงรักษา การออกแบบเพื่อการบริหารจัดการทางด้านพลังงาน
กระบวนการนี้เริ่มต้นตั้งแต่การประเมินหน่วยผลิตโดยทีมผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ภายหลังจากนั้น
ผู้แทนจากแต่ละหน่วยผลิตจะทำงานร่วมกับทีมงานของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น และ/หรือบริษัทในเครือ ที่เข้าตรวจเยี่ยม
เพื่อพัฒนาแผนการที่เกี่ยวกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในการดำเนินงานและหน่วยผลิต โดยการประเมินนี้มีขึ้น
ครั้งล่าสุดในปี 2550
บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการควบคุมมลพิษและลดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะควบคุมการ
ปล่อยสารเจือปนตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด ซึ่งรวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อลดการปล่อยสารเจือปน
และสงวนรักษาทรัพยากร
บริษัทฯ ได้ทำการประเมินอย่างสม่ำเสมอโดยตั้งเป้าให้บรรลุถึงการปฏิบัติถูกต้องตามนโยบายสิ่งแวดล้อม
ของบริษัทฯ บริษัทฯ เชื่อว่าบริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบสิ่งแวดล้อมที่สำคัญในทุกด้านที่ใช้บังคับกับบริษัทฯ
อย่างไรก็ดี การปล่อยอากาศเสีย สารเจือปนหรือมลพิษอื่น ๆ เข้าสู่อากาศ ดินหรือน้ำอาจก่อให้เกิดความรับผิดทางด้านสิ่งแวดล้อม
ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ไขเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากการปล่อยอากาศเสีย สารเจือปนหรือมลพิษดังกล่าว
และเท่าที่บริษัทฯ ทราบ บริษัทฯ ไม่เคยมีคดีความที่มีนัยสำคัญ หรือถูกปรับ หรือถูกลงโทษอย่างมีนัยสำคัญ
รวมทั้งไม่เคยถูกตรวจสอบในเรื่องสิ่งแวดล้อมและเรื่องที่เกี่ยวข้องที่มีนัยสำคัญใด ๆ
เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลได้ประกาศกำหนดมาตรฐานใหม่ของน้ำมันเชื้อเพลิง โดยกำหนดให้มีการลดปริมาณ
กำมะถันและสารเบนซีนในน้ำมันเบนซิน และลดปริมาณกำมะถันในน้ำมันดีเซลให้ต่ำลง ซึ่งบริษัทฯ จะต้องปฏิบัติตาม
มาตรฐานที่กำหนดใหม่ดังกล่าวภายในวันที่ 1 มกราคม 2555 โดยปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการศึกษาทางเลือก
ที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดขึ้นใหม่ของคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าว แต่บริษัทฯ คาดว่า บริษัทฯ
จะมีค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนเป็นจำนวนมาก ก่อนที่มาตรฐานที่กำหนดขึ้นใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม
2555 หรือมิฉะนั้น บริษัทฯ จะไม่สามารถขายน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดขึ้นใหม่
ดังกล่าวได้ โปรดพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อ "1. ปัจจัยความเสี่ยง - 1.1 ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับธุรกิจของ
บริษัทฯ - 1.1.10 บริษัทฯ อาจไม่สามารถดำเนินโครงการในอนาคตได้สำเร็จภายในกำหนดเวลาและงบประมาณที่
คาดการณ์ไว้" และหัวข้อ "6. โครงการดำเนินงานในอนาคต"
สรุปสาระสำคัญของสัญญา (โปรดพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทฯ)
1. สรุปลักษณะ ข้อสัญญาที่สำคัญ และเงื่อนไขของสัญญา/ข้อตกลงที่สำคัญ อันเกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่ทำ
กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
(ก) การจัดการที่ข้องเกี่ยวกับการดำเนินงานและบริการที่ให้โดยบริษัทในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น
1. สัญญาบริการ "ศูนย์สนับสนุนธุรกิจ กรุงเทพฯ" ของบริษัท เอ็กซอนโมบิล จำกัด (EML "Bangkok
Business Support Center" Master Service Agreement)
บริษัทฯ เป็นหนึ่งในคู่สัญญาในสัญญาบริการ (Master Service Agreement) กับบริษัท เอ็กซอนโมบิล
จำกัด โดยมีบริษัทในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น อีกกว่า 80 แห่งใน 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคเป็น
คู่สัญญาด้วย ตามสัญญานี้ บริษัท เอ็กซอนโมบิล จำกัด ซึ่งเป็นศูนย์สนับสนุนธุรกิจในกรุงเทพฯ ต้องให้บริการ
สนับสนุนบางอย่างแก่บริษัทฯ (และบริษัทในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น แห่งอื่น ๆ) อันได้แก่ บริการที่ปรึกษา
การบริหารจัดการ บริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการปฏิบัติการ ด้านการจัดการ วิชาชีพและบริการสนับสนุนอื่น ๆ ที่
เกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทฯ สำหรับบริการต่าง ๆ เหล่านี้ผ่านทางบุคลากรที่อยู่นอกศูนย์บริการธุรกิจในประเทศไทย
บริษัทฯ จ่ายค่าใช้จ่ายรายปีส่วนหนึ่งของบริษัท เอ็กซอนโมบิล จำกัด บวกค่าธรรมเนียมการจัดการร้อยละ 5 ให้แก่
บริษัท เอ็กซอนโมบิล จำกัด สำหรับค่าบริการเหล่านี้ สัญญานี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2546 และ
สัญญาจะได้รับการต่ออายุโดยอัตโนมัติเป็นระยะเวลาครั้งละหนึ่งปี เว้นแต่คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะบอกเลิกสัญญา
เมื่อสิ้นสุดปีปฏิทินใด โดยส่งคำบอกกล่าวถึงคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งล่วงหน้า 90 วัน
2. สัญญาบริการสำนักงานใหญ่ภูมิภาค/บริษัทในเครือ - ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (Downstream Regional
Headquarters/Affiliate Master Service Agreements - Asia Pacific Region)
บริษัทฯ เป็นหนึ่งในคู่สัญญาในสัญญาบริการสำนักงานใหญ่ภูมิภาค/บริษัทในเครือ (Downstream Regional
Headquarter/Affiliate Master Service Agreement) กับ ExxonMobil Asia Pacific Pte. Ltd. ("EMAPPL")
โดยมีบริษัทในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น อีกกว่า 30 แห่ง ใน 9 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคเป็นคู่สัญญาด้วย
ตามสัญญานี้ EMAPPL ให้บริการแก่บริษัทฯ (และบริษัทอื่น ๆ ในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ) อันได้แก่ บริการ
ที่ปรึกษาการบริหารจัดการ บริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการปฏิบัติการ บริการด้านการจัดการ วิชาชีพ และบริการ
สนับสนุนอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจปลายน้ำของบริษัทฯ อาทิ การตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง การบริการในด้านผลิตภัณฑ์หล่อ
ลื่นและผลิตภัณฑ์พิเศษของปิโตรเลียม การกลั่นน้ำมันและการจัดหาสินค้าซึ่งบริษัทฯ ตกลงชำระค่าบริการสำหรับ
บริการเหล่านี้ให้แก่ EMAPPL โดยคิดจากต้นทุนทั้งหมดที่เกิดกับ EMAPPL ในการให้บริการและค่าธรรมเนียมการ
จัดการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่บริษัทฯ ในอัตราที่เหมาะสมโดยสูงสุดไม่เกินร้อยละ 5 สัญญานี้มี
ระยะเวลาขั้นต้น 3 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 โดยทำขึ้นแทนสัญญาเดิมซึ่งมีเนื้อหาของสัญญาเหมือนกัน
ภายหลังจากนั้น สัญญาจะได้รับการต่ออายุโดยอัตโนมัติเป็นระยะเวลาครั้งละหนึ่งปีปฏิทินติดต่อกัน จนกว่าคู่สัญญา
ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะบอกเลิกสัญญานี้เมื่อสิ้นสุดปีปฏิทินใด ๆ โดยส่งคำบอกกล่าวล่วงหน้า 30 วัน ทั้งนี้ สัญญานี้จะ
สิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติหากบริษัทฯ ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือซึ่งเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้ถือหุ้นข้างมากอีกต่อไป
3. สัญญาบริการ (Master Service Agreement)
บริษัทฯ เป็นหนึ่งในคู่สัญญาในสัญญาบริการ (Master Service Agreement) กับ ExxonMobil Global
Services Company ("EMGSC") ลงวันที่ 1 มกราคม 2550โดยมีบริษัทในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ในอีก
กว่า 100 ประเทศเป็นคู่สัญญาด้วย ตามสัญญานี้ EMGSC ได้ให้คำแนะนำและช่วยเหลือบริษัทฯ (และบริษัทใน
เครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น เกี่ยวกับ (1) บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ (2) บริการจัดซื้อจัดหาในด้านต่าง ๆ
ซึ่งรวมถึง (ก) การพัฒนาและดำเนินกลยุทธ์ที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก และการบริหารจัดการเครือข่ายการจัดหา
สินค้า (ข) การจัดเตรียมสัญญา ข้อตกลงและคำสั่งซื้อสำหรับบริษัทฯ เพื่อการจัดซื้อสินค้า บริการและงานก่อสร้างที่
ผ่านการคัดเลือก (ค) การบริหารจัดการวัสดุและพัสดุคงคลัง (ง) การรับใบแจ้งหนี้และการชำระเงินสำหรับสินค้าและ
บริการ และ (3) บริการอสังหาริมทรัพย์และบริการสิ่งอำนวยความสะดวก สัญญาดังกล่าวนี้มีระยะเวลาขั้นต้นสามปี
เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 โดยทำขึ้นแทนสัญญาเดิมซึ่งมีเนื้อหาของสัญญาเหมือนกัน หลังจากนั้น สัญญาจะได้รับ
การต่ออายุโดยอัตโนมัติเป็นระยะเวลาครั้งละหนึ่งปีติดต่อกัน เว้นแต่คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดบอกเลิกสัญญาเมื่อสิ้นสุด
ปีปฏิทินใด โดยส่งคำบอกกล่าวถึงคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งล่วงหน้า 30 วัน ค่าธรรมเนียมสำหรับบริการต่าง ๆ จะคิดตาม
ต้นทุนจริงที่เกิดกับ EMGSC ในการให้บริการ
4. สัญญาบริการสำนักงานใหญ่ภูมิภาค/บริษัทในเครือสำหรับธุรกิจเคมีภัณฑ์ (Chemical Regional
Headquarters/Affiliate Service Agreement)
บริษัทฯ เป็นหนึ่งในคู่สัญญาในสัญญาบริการสำนักงานใหญ่ภูมิภาค/บริษัทในเครือสำหรับธุรกิจเคมีภัณฑ์
(Chemical Regional Headquarters/Affiliate Service Agreement) กับ ExxonMobil Asia Pacific Pte Ltd.
("EMAPPL") ตามสัญญานี้ EMAPPL ได้ให้บริการที่ปรึกษาการบริหารจัดการ บริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการ
ปฏิบัติการ บริการทางด้านการจัดการ วิชาชีพ และบริการสนับสนุนอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจเคมีภัณฑ์ของบริษัทฯ สำหรับ
บริการต่าง ๆ ที่ EMAPPL ให้แก่บริษัทฯ ตามสัญญานี้ บริษัทฯ ได้ตกลงชดใช้คืนค่าใช้จ่ายรายปีส่วนหนึ่งของ EMAPPL
บวกค่าธรรมเนียมการจัดการสูงสุดไม่เกินร้อยละ 5 ให้แก่ EMAPPL สัญญานี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2546
และสัญญาจะได้รับการต่ออายุโดยอัตโนมัติเป็นระยะเวลาครั้งละหนึ่งปี เว้นแต่คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะบอกเลิกสัญญา
เมื่อสิ้นสุดปีปฏิทินใด โดยส่งคำบอกกล่าวถึงคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งล่วงหน้า 30 วัน ทั้งนี้ สัญญานี้จะสิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติ
หากบริษัทฯ ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือซึ่งเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้ถือหุ้นข้างมากอีกต่อไป
5. สัญญาการสนับสนุนธุรกิจของเอ็กซอนโมบิล ปิโตรเลียม แอนด์ เคมิคอล (ExxonMobil Petroleum &
Chemical Master Business Support Agreement)
บริษัทฯ เป็นหนึ่งในคู่สัญญาในสัญญาการสนับสนุนธุรกิจ (Master Business Agreement) กับ ExxonMobil
Petroleum & Chemical Holdings Inc. ("EMPC") โดยมีบริษัทในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น อีกกว่า 100
แห่ง ใน 60 ประเทศเป็นคู่สัญญาด้วย ตามสัญญานี้ EMPC โดยให้บริการต่าง ๆ แก่บริษัทฯ (และบริษัทอื่น ๆ ใน
เครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ) เกี่ยวกับการบัญชี การวิเคราะห์และการรายงานทางธุรกิจ การดำเนินงานทาง
การเงิน การเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์และสินค้าคงคลัง การบัญชีธุรกิจต้นน้ำ (upstream accounting) บัญชีเงินเดือน
(payroll) ทรัพยากรบุคคล งานธุรการ การปฏิบัติตามกฎระเบียบเกี่ยวกับภาษี การประเมินและติดตามตรวจสอบความ
น่าเชื่อถือ การจัดซื้อจัดหา การบริการลูกค้าสำหรับตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงและเคมีภัณฑ์ ศูนย์สนับสนุนการดำเนินงานค้าปลีก
การบริการลูกค้าสำหรับผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและผลิตภัณฑ์พิเศษ ศูนย์ส่งออก (Export Center) การจัดหาและจัดจำหน่าย
การสนับสนุนการตลาดในการทำธุรกรรมเชิงพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-business) การให้บริการตอบคำถามทางเทคนิค
(technical help desk) และการสนับสนุนการบริหารการขาย ผ่านทางบุคลากรที่อยู่นอกศูนย์ธุรกิจซึ่งไม่ได้ตั้งอยู่ใน
ประเทศไทย โดยบริษัทฯ ชำระค่าบริการเหล่านี้ให้แก่ EMPC สำหรับบริการที่ได้รับโดยคิดตามต้นทุนจริงทั้งทางตรงและทางอ้อม
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่บริษัทฯ สัญญานี้เริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 โดยมีกำหนดระยะเวลา 3 ปี
หลังจากนั้น สัญญาจะได้รับการต่ออายุโดยอัตโนมัติอีกครั้งละหนึ่งปี คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจบอกเลิกสัญญานี้ ณ วันสิ้นปีปฏิทิน
ของแต่ละปีโดยส่งคำบอกกล่าวถึงคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งล่วงหน้า 60 วัน ทั้งนี้ สัญญาจะสิ้นผลโดยอัตโนมัติหากบริษัทฯ ไม่ได้เป็นบริษัท
ในเครือซึ่งเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้ถือหุ้นข้างมากอีกต่อไป
6. สัญญางานวิจัยมาตรฐาน (Standard Research Agreement)
บริษัทฯ เป็นหนึ่งในคู่สัญญาในสัญญางานวิจัยมาตรฐาน (Standard Research Agreement) กับ
ExxonMobil Research and Engineering Company ("EMRE") โดยมีบริษัทอื่น ๆ ในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์
ปอเรชั่น ทั่วโลกเป็นคู่สัญญาด้วย เพื่อ (1) การสร้างสรรค์ การได้มาและการบริหารจัดการซึ่งข้อมูลทางเทคนิค และ
การคุ้มครองสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์สำหรับข้อมูลดังกล่าวเพื่อที่จะสามารถแบ่งต้นทุนที่เกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าวได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์ในการประกอบธุรกิจปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น และบริษัท
ในเครือซึ่งเป็นคู่สัญญาของสัญญาในลักษณะเดียวกัน (2) การเข้าถึงข้อมูลทางเทคนิคโดยผู้เข้าร่วมโครงการ และการ
ใช้ความคุ้มครองสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์ที่ได้รับสำหรับข้อมูลทางเทคนิคดังกล่าว (3) ความช่วยเหลือทางด้านวิศวกรรม
และงานวิจัยพิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของผู้เข้าร่วมโครงการเมื่อมีการร้องขอ
โดยคิดค่าใช้จ่ายตามต้นทุน และ (4) EMRE จะเป็นผู้รักษาและบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลทางเทคนิคที่
ได้มาหรือเปิดเผยตามสัญญานี้เพื่อประโยชน์ของคู่สัญญาทุกราย สัญญานี้มีระยะเวลา 10 ปี แต่จะได้รับการต่ออายุ
โดยอัตโนมัติเป็นระยะเวลาครั้งละ 5 ปีติดต่อกัน เว้นแต่มีการส่งคำบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นเวลา 18 - 24
เดือนก่อนหน้าครบกำหนดระยะเวลาขั้นต้นหรือระยะเวลาอื่น สัญญานี้จะสิ้นสุดลงเมื่อเกิดกรณีผิดสัญญาหรือเมื่อเอ็ก
ซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ไม่ได้มีความเป็นเจ้าของหรือการควบคุมในบริษัทฯ ในระดับหนึ่งอีกต่อไป ซึ่งรวมถึงการถือ
หุ้นที่มีสิทธิออกเสียงแต่งตั้งกรรมการ จำนวนร้อยละ 50 ด้วย ในกรณีเช่นนั้น สัญญานี้จะอนุญาตให้ใช้ข้อมูล สิทธิบัตร
หรือลิขสิทธิ์เท่าที่ยังมีอยู่และจำเป็นต่อการปฏิบัติงานต่อไป
7. สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมค้าปลีก (Petroleum Retail
Products Trademark License Agreement)
ตามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมค้าปลีก (Petroleum Retail
Products Trademark License Agreement) ที่ทำกับเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2538
บริษัทฯ ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า ESSO, EXXON และ ESSO Oval สำหรับผลิตภัณฑ์ค้าปลีกที่ขายใน
ประเทศไทย โดยบริษัทฯ ต้องชำระค่าธรรมเนียมการอนุญาตให้ใช้สิทธิรายปีซึ่งเป็นจำนวนร้อยละเพียงเล็กน้อยของ
ยอดค้าปลีก หักด้วยค่าใช้จ่ายบางรายการ ทั้งนี้โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขของจำนวนค่าใช้สิทธิขั้นต่ำ (minimum royalties)
คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจบอกเลิกสัญญานี้ได้โดยไม่ต้องมีสาเหตุ เมื่อได้ส่งคำบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างน้อย 6 เดือน
8. สัญญาเฉลี่ยค่าใช้จ่ายเครื่องหมายการค้า (Trademark Cost Sharing Agreement)
บริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญาเฉลี่ยค่าใช้จ่ายเครื่องหมายการค้า (Trademark Cost Sharing Agreement)
ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2542 กับเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น และบริษัทในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น อีกกว่า 100
แห่งทั่วโลก เพื่อการเฉลี่ยค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียน และการสร้างสรรค์เครื่องหมายการค้าในประเทศที่ไม่อยู่ในเขต
อำนาจศาลของบริษัทในเครือที่เป็นคู่สัญญา เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายทางอ้อมที่เป็นการส่งเสริมคุณค่าให้กับเครื่องหมาย
การค้าดังกล่าวทั่วโลก เช่น การโฆษณาและการให้ความสนับสนุนทั่วโลก ค่าใช้จ่ายดังกล่าว เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น
รับผิดชอบค่าใช้จ่ายคิดเป็นร้อยละ 50 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด และบริษัทในเครือที่เป็นคู่สัญญาจะรับผิดชอบในส่วนของค่าใช้จ่าย
ที่เหลืออีกร้อยละ 50 โดยแบ่งตามอัตราส่วนของปริมาณการขายผลิตภัณฑ์น้ำมันและก๊าซ สัญญานี้มีระยะเวลาไม่จำกัดจนกว่า
จะถูกบอกเลิกโดยคู่สัญญาด้วยการส่งคำบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นเวลา 60 วันหรือจนกว่าจะถูกบอกเลิกโดยเอ็กซอน
โมบิล คอร์ปอเรชั่น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในการควบคุมหรือการจัดการ ทั้งนี้เครื่องหมายการค้าที่อยู่ภายใต้สัญญานี้
ครอบคลุมถึงเครื่องหมายการค้าต่าง ๆ ที่บริษัทฯ ใช้สำหรับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เช่น ESSO, เอสโซ่,
TIGER, EXXON EMBLEM เป็นต้น
(ข) สัญญาซื้อขายผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ
1. สัญญาจัดหาน้ำมันดิบ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว ผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ และสารพื้นฐานสำหรับการผลิต
ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น (Crude Oil, LPG, Products and Feedstock, and Lube Basestock Supply
Agreement)
บริษัทฯ ได้ทำสัญญากับ ExxonMobil Asia Pacific Pte. Ltd. ("EMAPPL") เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2544
ตามสัญญานี้ บริษัทฯ ต้องทำการซื้อจากหรือผ่าน EMAPPL ซึ่ง (1) น้ำมันดิบนำเข้าทั้งหมดที่บริษัทฯ ต้องการจากแหล่งใน
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (2) ก๊าซปิโตรเลียมเหลว ผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบและสารพื้นฐานสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์หล่อลื่นตามที่ตกลงร่วมกัน
ซึ่งบริษัทฯ ประสงค์ที่จะนำเข้า นอกจากนี้ EMAPPL ต้องทำการซื้อ และบริษัทฯ ต้องทำการขาย (1) น้ำมันดิบทั้งหมดซึ่งบริษัทฯ
ประสงค์ที่จะขายและส่งออก (2) ก๊าซปิโตรเลียมเหลว ผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบและสารพื้นฐานสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์หล่อลื่นตาม
(ยังมีต่อ)